ในปัจจุบันประเทศไทยพบผู้ป่วยวัณโรคเพิ่มมากขึ้น โดยองค์การอนามัยโลก(WHO)ได้ระบุว่าประเทศไทยติดอันดับที่ 14 ของโลก ที่มีปัญหาวัณโรคสูงสุด ดังนั้นประชาชนควรมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเพื่อลดอัตราการป่วยเป็นวัณโรค
วัณโรค คือ โรคติดต่อที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย (Mycobacterium) ซึ่งสามารถติดต่อกันผ่านทางอากาศได้ ด้วยการหายใจ การจาม การไอ หรือการอยู่ร่วมกับผู้ป่วยวัณโรคติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ ซึ่งวัณโรคเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายได้ หากผู้ป่วยรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง

อาการของวัณโรค
จะแบ่งออกเป็น 2 ระยะ
- ระยะแฝง (latent TB) ในระยะแฝง เมื่อผู้ป่วยได้รับเชื้อแล้วจะไม่มีอาการใด ๆ เนื่องจากเชื้อยังไม่ได้รับการกระตุ้น แต่มีเชื้อแบคทีเรียอยู่ในร่างกาย
- ระยะแสดงอาการ (Active TB) เป็นระยะที่เชื้อได้รับการกระตุ้นจนเกิดอาการต่าง ๆ เช่น มีอาการไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด เจ็บหน้าอก หรือรู้สึกเจ็บเวลาหายใจหรือไอ อ่อนเพลีย มีไข้ หนาวสั่น มีอาการเหงื่อออกในเวลากลางคืน น้ำหนักลด และความอยากอาหารลดลง ซึ่งโดยส่วนใหญ่วัณโรคจะแสดงอาการที่ปอด จึงเรียกว่า วัณโรคปอด แต่เชื้อสามารถกระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ในร่างกายได้และทำให้เกิดความผิดปกติ เช่น วัณโรคกระดูก วัณโรคเยื่อหุ้มสมอง เป็นต้น
สาเหตุของวัณโรค
เกิดจากการติดเชื้อไมโครแบคทีเรียม ทูเรียมทูเบอร์คูโลซิส (Mycobacterium Tuberculosis) ที่สามารถแพร่กระจายผ่านทางอากาศ โดยผู้ที่เคยพักอาศัยหรืออยู่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น รวมไปถึงผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือสุขภาพไม่แข็งแรง
การรักษาวัณโรค
รักษาได้โดยการรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่กับการดูแลสุขภาพ แต่ยาที่ใช้รักษาวัณโรคมีผลข้างเคียงมาก ดังนั้นทั้งผู้ป่วยและแพทย์ต้องร่วมมือกันสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด
ผลข้างเคียงจากยาที่อาจเกิดขึ้น เช่น
- คลื่นไส้อาเจียน
- ความยากอาหารลดลง
- หายใจลำบาก
- มีไข้ติดต่อกันหลายวันอย่างโดยไม่ทราบสาเหตุ
- มีอาการบวมบริเวณใบหน้าและลำคอ
- มีปัญหาการมองเห็น
- ผิวซีดเหลือง
- มีปัสสาวะสีเข้มขึ้นผิดปกติ
***โดยเมื่อมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีภาวะแทรกซ้อนของวัณโรค ภาวะแทรกซ้อนที่มักพบในผู้ป่วยวัณโรค ได้แก่ ภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด, ภาวะมีลมในโพรงเยื่อหุ้มปอด, ถุงลมปอดโป่งพอง, ฝีในปอด, ไอเป็นเลือด และเชื้อวัณโรคยังสามารถแพร่กระจายผ่านกระแสเลือดหรือระบบน้ำเหลืองไปทั่วร่างกาย จนกลายเป็นโรควัณโรคของอวัยวะต่าง ๆ (อาจพบร่วมกับวัณโรคที่ปอดหรือไม่ก็ได้) เช่น- วัณโรคเยื่อหุ้มสมอง ทำให้มีอาการไข้ ปวดศีรษะรุนแรง อาเจียนรุนแรง คอแข็ง ซึม ชัก
- วัณโรคต่อมน้ำเหลือง พบบ่อยที่ข้างคอ มีลักษณะเป็นก่อนบวมที่ข้างคอ นุ่ม ไม่มีอาการเจ็บปวด และอาจแตกมีหนองไหลเรื้อรัง
- วัณโรคกล่องเสียง ทำให้มีอาการเสียงแหบเรื้อรัง
- วัณโรคเยื่อหุ้มหัวใจ ทำให้มีอาการไข้ คอบวม หายใจหอบเหนื่อย
- วัณโรคลำไส้ ทำให้มีอาการปวดท้องและท้องเสียเรื้อรัง น้ำหนักตัวลดลง อาจคลำได้ก้อนในท้อง ถ้าลุกลามไปที่เยื่อบุช่องท้องทำให้เกิดอาการท้องมาน
- วัณโรคไต ทำให้กรวยไตอักเสบเรื้อรัง ตรวจพบเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะให้ยาปฏิชีวนะหลายชนิดแล้วก็ไม่หาย
- วัณโรคกระดูก เช่น วัณโรคกระดูกสันหลัง (ทำให้มีอาการปวดหลังเรื้อรัง หลังคดโก่ง กดเจ็บ อาจมีอาการเสียงแหบเรื้อรัง), วัณโรคข้อเข่า (ทำให้มีอาการปวดข้อบวมแดงร้อน)
การป้องกันวัณโรค- ดูแลสุขภาพออกกำลังกายให้แข็งแรง
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
- ตรวจการทำงานของปอด
- ตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อคัดกรองโรค โดยเฉพาะผู้สัมผัสผู้ป่วยใกล้ชิด บุคลากรทางการแพทย์
- เลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดผู้ป่วยวัณโรค
- หากมีอาการน่าสงสัยว่าจะเป็นวัณโรค ควรรีบไปพบแพทย์
แม้ว่าอาการของวัณโรคจะรุนแรงและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่วัณโรคสามารถรักษาให้หายได้ โดยการรับประทานยาให้ต่อเนื่อง ดูแลสุขภาพให้ดี หมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกาย และรีบไปพบแพทย์ทันทีหากพบความผิดปกติ ซึ่งอยู่สุข เนอร์สซิ่งโฮม มีพยาบาลคอยดูแลตลอด 24 ชม. รวมถึงมีทีมแพทย์เฉพาะทางคอยให้คำปรึกษา สนใจติดต่อ โทร 099-4414690 , 086-9558889



ปรึกษาปัญหาผู้สูงอายุ สอบถามบริการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย (เบอร์ 099-441-4690, 086-955-8889) หรือ ติดต่อเรา