โรคเกาต์
โรคเกาต์พบได้บ่อยในคนไทย ส่วนใหญ่จะเป็นเพศชายที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งโรคเกาต์ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นการรู้ถึงอาการและวิธีการรับมือที่ถูกต้องจะช่วยลดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ โรคเกาต์ (Gout) คือ โรคข้ออักเสบที่พบในผู้ป่วยที่มีระดับกรดยูริก (uric acid) ในเลือดสูงมาเป็นเวลานาน ซึ่งกรดยูริกที่สูงจะเกิดการตกตะกอนสะสมเป็นผลึกเกลือยูเรตตามเนื้อเยื่อบริเวณต่าง ๆ โดยเฉพาะในข้อและบริเวณรอบข้อ และเมื่อมีปัจจัยบางอย่างมากระตุ้น จะทำให้เกิดอาการข้ออักเสบเฉียบพลันอย่างรุนแรง
อาการของโรคแบ่งเป็น 3 ระยะ- ระยะข้ออักเสบเฉียบพลัน ข้อปวดบวมแดงรุนแรงใน 24 ชั่วโมงแรก หากไม่รักษาสามารถหายได้เองใน 5- 7 วันและส่วนใหญ่จะเป็นซ้ำๆ
- ระยะไม่มีอาการ หลังจากข้ออักเสบหายผู้ป่วยจะไม่มีอาการใดๆ
- ระยะเรื้อรัง ลักษณะจำเพาะ คือ พบข้ออักเสบหลายข้อแบบเรื้อรังร่วมกับการตรวจพบก้อนที่เกิดจากการสะสมของผลึกยูเรตตามเนื้อเยื่อต่างๆ หรือเรียกว่า โทฟัส (tophus) บางครั้งอาจแตกออกมาเห็นเป็นสารสีขาวคล้ายชอล์ก ตำแหน่งที่พบโทฟัสได้บ่อยนอกจากบริเวณนิ้วหัวแม่เท้าและข้อเท้า คือ ปุ่มปลายศอก เอ็นร้อยหวาย ปลายนิ้ว และอาจพบที่ใบหูร่วมด้วย ในระยะนี้จะพบข้ออักเสบหลายข้อ และอาจมีไข้จากการอักเสบได้
การรักษาโรคเกาต์- การรักษาโรคเกาต์โดยไม่ใช้ยา
1.1) การให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเกาต์ และการให้คำแนะนำในการปฏิบัติตนที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคเกาต์ เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านอาหาร และเครื่องดื่ม
1.2) การรักษาโรคร่วมและปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น ภาวะไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง การสูบบุหรี่ เป็นต้น
1.3) การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- การรักษาโดยการใช้ยา
ผู้ป่วยบางรายแพทย์อาจพิจารณาการใช้ยาร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาให้ดียิ่งขึ้น
อาหารที่คนเป็นโรคเกาต์ควรงด อาหารที่ผู้ป่วยโรคเกาต์ควรหลีกเลี่ยง คือ อาหารที่มีสารพิวรีนสูง ได้แก่ - เห็ด
- เนื้อสัตว์ปีกทุกชนิด
- เครื่องในสัตว์ทุกชนิด
- ไข่ปลา ปลาดุก ปลาไส้ตัน ปลาซาร์ดีน
- กุ้ง
- ผักชะอม ผักกระถิน ผักสะเดา
- กะปิ
- น้ำต้มกระดูก
- ซุปก้อน
การปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยโรคเกาต์- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
- หลีกเลี่ยงอาหารประเภทเครื่องในสัตว์ เช่น ตับ ไต หัวใจ ปอด ไส้
- ลดเครื่องดื่มที่มีรสหวาน เช่น น้ำผลไม้ น้ำอัดลม น้ำหวาน เป็นต้น
- หยุดนวด ทายา ประคบร้อนหรือเย็นบริเวณที่มีอาการอักเสบของข้อ
- แนะนำให้รักษาโรคร่วมที่เป็นอยู่ เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง ภาวะอ้วน เป็นต้น
- รับประทานยาลดยูริกและยาป้องกันเกาต์กำเริบอย่างต่อเนื่องการขาดยาอาจทำให้โรคกำเริบได้
- ตรวจระดับกรดยูริกในเลือด และพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
ข้อควรระวังในการออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยโรคเกาต์- หากยังมีการอักเสบของข้อต่อ ไม่ควรออกกำลังกาย เพราะจะทำให้การอักเสบนั้นหายช้าลง หรืออาจทำให้อาการแย่ไปกว่าเดิม
- ควรหยุดพักจนกว่าการอักเสบจะหมดไป แล้วค่อยเริ่มออกกำลังกายต่อไปอย่างต่อเนื่อง
- อย่าหักโหมออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว เพราะจะไปกระตุ้นระดับกรดยูริคในร่างกายให้สูงขึ้น ส่งผลให้อาการอักเสบกำเริบได้
นอกจากการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต การออกกำลังกาย การเลือกรับประทานอาหาร การใช้ยาในการรักษาหรือบรรเทาอาการของโรคเกาต์ ยังมีการรักษาทางกายภาพบำบัดที่ช่วยลดอาการอับเสบของข้ออันเกิดจากโรคเกาต์ได้ ทำให้อาการเจ็บลดลง ลดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
ทางศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ อยู่สุข เนอร์สซิ่งโฮมมีการดูแลครบวงจรโดยทีมผู้เชี่ยวชาญหลากหลายวิชาชีพ(แพทย์,พยาบาล,นักกายภาพบำบัด,นักโภชนาการ และทีมงานที่เกี่ยวข้อง)ให้เหมาะสมกับโรคของแต่ละบุคคล สำหรับบุคคลที่สนใจหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์ 099-4414690 ทางศูนย์ดูแลผู้สูงอายุอยู่สุข เนอร์สซิ่งโฮม ยินดีให้บริการ





ปรึกษาปัญหาผู้สูงอายุ สอบถามบริการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย (เบอร์ 099-441-4690, 086-955-8889) หรือ ติดต่อเรา




